โครงการอนุรักษ์และขยายพันธุ์วัวแดง
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
มูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา ร่วมมือกับศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
เป้าหมายโครงการ
“ขับเคลื่อนการขยายพันธุ์ และขยายพื้นที่วัวแดงจากพื้นที่ป่าสลักพระสู่พื้นที่ป่าห้วยขาแข้ง” เพื่อป้องกันปัญหาเลือดชิด (การผสมพันธุ์ในสายเลือดเดียวกัน) ที่จะนำไปสู่การสูญพันธุ์ในอนาคต โดยดำเนินงานด้านการวิจัย การอนุรักษ์ และขยายพันธุ์วัวแดง พร้อมดำเนินกิจกรรมแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่าย ด้วยการทำงานกับชุมชน สถานศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชนตลอดแนวเขตการขยายพื้นที่ในชื่อ “กลุ่มมวลชนจิตอาสาอนุรักษ์วัวแดง”

ความสําคัญของโครงการ
“วัวแดง” เป็นสัตว์ที่มีรายชื่อในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 การอนุรักษ์วัวแดง จึงเป็นการเชื่อมโยงระหว่างสัตว์ป่า ผืนป่าและชุมชน “เพราะเมื่อวัวแดงอยู่รอด ผืนป่าก็อยู่รอดและชุมชนรอบพื้นป่าก็อยู่รอดอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกัน” โครงการอนุรักษ์และขยายพันธุ์วัวแดง จึงเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ตระหนักถึงคุณค่าของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
การสูญหายของวัวแดงในพื้นที่ป่าสลักพระ เมื่อเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา คือจุดเริ่มต้นของการอนุรักษ์ ขยายพันธุ์วัวแดง และเมื่อปี พ.ศ. 2517 การค้นพบวัวแดงเพศเมียบริเวณโป่งกลางป่าสลักพระ จนเกิดเป็น “เจ้าโป่งทอง” วัวแดงตัวแรก นับเป็นเหตุการณ์สำคัญในการสร้างแรงผลักดันการอนุรักษ์วัวแดงให้กลับคืนสู่ป่าสลักพระอีกครั้ง และเป็นตัวชี้วัดว่า แนวคิดการอนุรักษ์วัวแดงสามารถปลุกจิตสำนึกของคนในชุมชนที่อยู่รอบแนวเขตป่าสลักพระได้เป็นอย่างดี
โครงการอนุรักษ์และขยายพันธุ์วัวแดง
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
เปิดทางให้วัวแดงก้าวเดิน
โครงการอนุรักษ์และขยายพันธุ์วัวแดง
โครงการ Goal Together
และโครงการ U Volunteer
หากพูดถึงสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์คงมีน้อยคนที่จะนึกถึงวัวแดงสัตว์ป่าขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างปราดเปรียวสง่างาม ขนสีน้ำตาลแดงเงาสลวย และมีจุดเด่นที่เขาโค้งสวยล่อตาล่อใจ ว่ากันว่าในอดีตพื้นที่่ป่าสลักพระและผืนป่าในจังหวัดกาญจนบุรีมีวัวแดงอยู่เยอะมาก ชนิดที่เดินพบเห็นได้ทั่วไป แต่เมื่อมีผู้ล่ามากขึ้นอาณาเขตของเมืองขยายตัวไปถึงแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของวัวแดง ประชากรวัวแดงจึงลดลงอย่างน่าใจหาย
ปัจจุบันมีวัวแดงสายพันธุ์ แท้เหลืออยู่ บนโลกไม่ถึง 500 ตัว วัวแดงจึงถูกจัดเป็นสัตว์ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง และยังจัดเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในบัญชีแดงไอยูซี เอ็น (IUCN Red List) ของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature: IUCN)ขณะที่ในทางกฎหมายของประเทศไทย วัวแดงถูกจัดอยู่ในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง ประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมลำดับที่่ 180 ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
การดําเนินงานโครงการ ในปี 2564 การดำเนินโครงการภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อการขับเคลื่อนงานโครงการ จึงสามารถดำเนินงานได้ในบางกิจกรรม คือ การสนับสนุนทุนโครงการอนุรักษ์และขยายพันธุ์วัวแดง โดยมอบเงินสนับสนุน จำนวน 1,500,000 บาท ในการดำเนินงานกิจกรรม ดังนี้
1.1 ดำเนินงานวิจัยเพื่อป้องกันปัญหาเลือดชิด (การผสมพันธุ์ในสายเลือดเดียวกันของวัวแดง) ภายใต้โครงการผลิตตัวอ่อนวัวแดงในห้องปฏิบัติการ โดยได้สนับสนุนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (วิทยาเขตกำแพงแสน) เพื่อการศึกษา วิจัย ควบคู่กับการติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด โดยในปี 2564 ได้เก็บตัวอย่างน้ำเชื้อวัวแดงตัวผู้ที่ตายแล้ว นำไปเก็บในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์และทำการผสมกับวัวบ้านเพื่อทดสอบความแข็งแรงของน้ำเชื้อและเป็นแนวทางในการศึกษาวิจัยต่อไป โดยในปี 2565 ได้วางแผนเก็บน้ำเชื้อ และเนื้อเยื่อของวัวแดงที่เตรียมปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเป็นครั้งที่ 5 เพื่อเข้าสู่กระบวนการวิจัยในห้องปฏิบัติการระยะต่อไป

1.2 ดำเนินการติดตั้งกล้อง Camera Trap เพื่อศึกษาพฤติกรรมของวัวแดง ในพื้นที่ป่าสลักพระ โดยในปี 2564 ได้สนับสนุนกล้อง Camera Trap จำนวน 20 ตัว รวมที่ติดตั้งไปแล้วทั้งหมด 30 ตัว (2563-2564) และมีแผนการติดตั้งให้ครอบคลุมพื้นที่แนวเขตอนุรักษ์ จำนวน 150 ตัวในปี 2566 ข้อมูลจากกล้อง Camera Trap และจากเครื่อง GPS ทำให้ทราบเพิ่มเติมว่า การปล่อยวัวแดง 4 ครั้ง จำนวนรวมทั้งสิ้น 13 ตัว พบลูกวัวแดงที่เกิดตามธรรมชาติ จำนวนอีกกว่า 18 ตัว รวมวัวแดงที่มีในเขตพื้นที่ป่าสลักพระทั้งสิ้น จำนวนกว่า 31 ตัว ภาพจากกล้อง Camera Trap ยังทำให้เห็นพฤติกรรมการหาอาหาร แหล่งอาหาร และความแข็งแรงของวัวแดง นอกจากนี้ ยังได้เห็นภาพฤติกรรมของสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ เช่น กวาง เสือโคร่ง เป็นต้น ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และได้นำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการวิจัยเรื่องพฤติกรรมการกินอาหารและโภชนาการที่ส่งผลต่อสุขภาพวัวแดงต่อไป

1.3 สร้าง และปรับปรุงคอกวัวแดงให้มีความคงทนเพื่อป้องกันการทำลายของช้างป่า โดยได้ปรับปรุงคอกวัวแดง จำนวน 2 คอก คือ (1) คอกสำหรับปรับพฤติกรรมวัวแดงก่อนการปล่อยคืนธรรมชาติ (สำหรับปล่อยวัวแดง ครั้งที่ 5 ในปี 2565) ซึ่งเป็นคอกที่มีผ้าสแลนปิดทึบบริเวณรอบพื้นที่คอก เพื่อให้วัวแดงเกิดการคุ้นชินเพราะในกระบวนการขนย้าย วัวแดงต้องอยู่ในกล่องที่มีความทึบ คอกนี้จึงต้องจำลองสภาพคอกให้เหมือนกล่องขนย้ายมากที่สุด และติดตั้งกล้องเพื่อศึกษาพฤติกรรมวัวแดง และ (2) คอกในพื้นที่เตรียมปล่อยวัวแดงคืนสู่ป่า โดยได้ดำเนินการสร้างคอกไว้เพื่อปรับสภาพและพฤติกรรมวัวแดงให้มีความคุ้นเคยกับธรรมชาติในป่าก่อนปล่อยจริง โดยในปี 2565 ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ มีแผนการปล่อยวัวแดงสู่ป่า ครั้งที่ 5 จำนวน 3 ตัว คือ วัวแดงเพศผู้ 2 ตัว (คุ้มครอง วันสุข) และเพศเมียที่กำลังตั้งท้อง 1 ตัว (น้ำฝน)

1.4 ดำเนินโครงการวิจัยวัวแดงในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ โดยศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ ร่วมกับคณะสัตวศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (วิทยาเขตกำแพงแสน) และคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เก็บมูลของวัวแดงที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสลักพระ นำไปวิจัยในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (กำแพงแสน) เพื่อตรวจสอบโภชนาการอาหารที่ส่งผลต่อสุขภาพและพฤติกรรมการกินอาหารของวัวแดง รวมถึงนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่แผนการเพิ่มแหล่งอาหารที่เพียงพอ และมีโภชนาการเหมาะสม

ผลจากการวิจัยในห้องปฏิบัติการ ทำให้ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ ได้ทราบถึงพฤติกรรมการกินอาหาร และสุขภาพวัวแดง และสัตว์ป่าอื่นๆ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ จึงได้นำข้อมูลมาพัฒนากิจกรรม ภายใต้โครงการอนุรักษ์และขยายพันธุ์วัวแดง เช่น การปลูกมะม่วงป่า การทำโป่งเทียม เพื่อเป็นการสร้างแหล่งอาหารที่มีทั้งสารอาหารและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสัตว์ป่าให้ได้รับธาตุอาหารที่เพียงพอ ซึ่งในปี 2565 มีการดำเนินงานโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์เก็บข้อมูล และพัฒนากิจกรรม ที่ส่งผลดีต่อการอนุรักษ์ ขยายพันธุ์วัวแดง และสร้างความอุดมสมบูรณ์ในนิเวศป่าสลักพระต่อไป

คลิก : เกร็ดความรู้ “ โครงการอนุรักษ์และขยายพันธุ์วัวแดง ”


การดําเนินงานโครงการ ดำเนินงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (วิทยาเขตกำแพงแสน) ในการปรับปรุงสายพันธุ์วัวแดงเพื่อป้องกันปัญหาเลือดชิด (การผสมพันธุ์ในสายเลือดเดียวกัน) ควบคู่กับการทำงานด้านชุมชน ปัจจุบันได้ปล่อยวัวแดงไปแล้ว 4 ครั้ง เป็นจำนวนทั้งสิ้น 13 ตัว ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ลูกวัวแดงที่เกิดตามธรรมชาติมีจำนวนกว่า 18 ตัว (ข้อมูลจาก GPS และกล้อง Camera Trap) โดยในปี 2564 จะมีการปล่อยวัวแดง เป็นครั้งที่ 5 อีกจำนวน 3 ตัว

นำอาสาสมัครร่วมกับชุมชนลงแรงและเรียนรู้งานด้านการอนุรักษ์และขยายพันธุ์วัวแดง (ปี 2562 - 2563) กับกิจกรรม “คืนวัวแดงสู่ผืนป่า เรียนรู้คุณค่าความสมดุล” ทำคอกเตรียมความพร้อมปล่อยวัวแดงสู่ป่า ครั้งที่ 3 ปี 2562 และกิจกรรม “ปลูกพืชอาหารช้าง สร้างอาหารให้สัตว์ป่า” เพื่อเพิ่มแหล่งอาหารให้สัตว์ป่าในปี 2563

จากการดำเนินงานในปีที่ 1 กิจกรรม “คืนวัวแดงสู่ผืนป่า เรียนรู้คุณค่าความสมดุล” ได้จัดทำคอกเตรียมความพร้อมปล่อยวัวแดงสู่ป่า และได้ใช้ในการปล่อยวัวแดงครั้งที่ 4 เดือนธันวาคม 2563 และในปีที่ 2 กิจกรรม “ปลูกพืชอาหารช้าง สร้างแหล่งอาหารให้สัตว์ป่า” ได้ปลูกมะม่วงป่า จำนวน 2,500 ต้น และเพาะพันธุ์ต้นมะม่วงป่า จำนวน 10,000 ต้น เพื่อเป็นอาหารสัตว์ในพื้นที่ป่าสลักพระ โดยทั้ง 2 ปีมีอาสาสมัคร Goal Together ชุมชน (มวลชนจิตอาสา) และเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เข้าร่วมทำกิจกรรมกว่า 200 คน

ด้วยการสนับสนุนจากมูลนิธิสุทธิรัตน์อยู่วิทยา และด้วยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้งภาควิชาการ ราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน ประชาชน NGOs และมวลชนจิตอาสาอนุรักษ์วัวแดง โครงการปล่อยวัวแดงคืนสู่ธรรมชาติอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลกในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ จนถึงปัจจุบัน ดังนี้
๑. ปีที่ ๑ (พ.ศ.๒๕๕๗) ปล่อยวัวแดง จำนวน ๔ ตัว
๒. ปีที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๕๘-๒๕๕๙) ปล่อยวัวแดง จำนวน ๓ ตัว
๓. ปีที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑) ปล่อยวัวแดง จำนวน ๓ ตัว
๔ . ปีที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓) ปล่อยวัวแดง จำนวน ๓ ตัว
๕. ปีที่ ๕ (พ.ศ.๒๕๖๔-๒๕๖๕) ปล่อยวัวแดง จำนวน ๓ ตัว
การดำเนินงานที่ผ่านทำให้เกิดปรากฏการณ์สำคัญอย่างยิ่ง ๓ ประการคือ
๑. เป็นการเขียนประวัติศาสตร์โลกในการฟื้นฟูประชากรวัวแดงในป่าธรรมชาติครั้งแรกของโลก และประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง วัวแดงที่ปล่อยทั้ง ๑๖ ตัวสามารถปรับตัวใช้ชีวิตรอด และยังให้กำเนิดลูกในธรรมชาติได้แล้วอย่างน้อย ๑๙ ตัว รวมขณะนี้สามารถฟื้นฟูประชากรวัวแดงให้กลับคืนมาได้แล้วอย่างน้อย ๓๕ ตัวหลังจากที่สูญพันธุ์ไปจากพื้นที่เป็นเวลานานกว่า ๓๐ ปี
๒. เกิดปรากฏการณ์ทางสังคม มวลชนจิตอาสาอนุรักษ์วัวแดงทั้งในจังหวัดกาญจนบุรี ต่างจังหวัด และ Social Network ที่เป็นการระเบิดจากภายในและรู้สึกมีส่วนร่วม สง่างาม ภาคภูมิใจ ของมวลชนในนาม “ มวลชนจิตอาสาอนุรักษ์วัวแดง ” ที่ร่วมกันบอกต่อประชาสัมพันธ์ปกป้องวัวแดงอย่างเป็นรูปธรรม
๓ . เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมจากภาคีเครือข่ายที่ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งภาคธุรกิจ เอกชน ภาควิชาการ ภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ NGOs และมวลชนจิตอาสาอนุรักษ์วัวแดงในนาม Super Dream Team
จากปรากฏการณ์ดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้โครงการนี้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นการร่วมมือและบูรณาการที่เป็นรูปธรรม และการดำเนินการที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีความพร้อมอย่างเต็มที่ทั้งตัวของวัวแดง ภาคีเครือข่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมวลชนจิตอาสาอนุรักษ์วัวแดงที่พร้อมให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานในปีต่อๆไป
โมเดล “ Corridor มนุษย์ ”
โจทย์ที่ท้าทายในลำดับถัดไปคือ “ Corridor มนุษย์” เป็นการสร้างพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างป่าสลักพระและป่าที่อยู่ทางตอนบน (อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี/เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี) ซึ่งปัจจุบันมีรายงานการพบวัวแดง เพื่อให้วัวแดงจากป่าสลักพระสามารถข้ามไปมาหาสู่กับ วัวแดงที่อยู่ทางตอนบน แลกเปลี่ยนพันธุกรรมระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาเลือดชิด (inbreed) ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เป็นการสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนทางสายพันธุกรรมให้แก่วัวแดง
โดยแนวคิด “Corridor มนุษย์ ” มีหลักการสำคัญคือการสร้างความรู้ความเข้าใจ ความตระหนักหวงแหน การมีส่วนร่วม ความรู้สึกเป็นเจ้าของ และความภาคภูมิใจในเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีในฐานะที่เป็นคนในพื้นที่ดังกล่าว
การโคลนนิ่ง ( Cloning) วัวแดงไทยเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
รศ.น.สพ.ดร.นิกร ทองทิพย์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การโคลนนิ่ง ( Cloning) คือ การคัดลอก หรือการทำซ้ำ ให้มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ ซึ่งหากกล่าวถึงเรื่อง การโคลนนิ่ง ( Cloning) ในแง่ของสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวพันถึงเทคโนโลยีชีวภาพแล้วการโคลนนิ่ง ( Cloning) คือ กระบวนการสืบพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศชนิดหนึ่ง โดยสิ่งมีชีวิตที่ถูกโคลนออกมาจะมีลักษณะทางพันธุกรรม และลักษณะทางกายภาพ เหมือนกับสิ่งมีชีวิตต้นแบบ หรือ สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ก่อนแล้วทุกประการ โดยคำว่าโคลน ( Clone) นั้นมาจากภาษากรีกจากคำว่า “Klone” ซึ่งแปลว่า แขนง กิ่ง ก้าน โดยใช้อธิบายการแบ่งตัวแบบไม่อาศัยเพศ ( Asexual) ของในพืชและสัตว์ และคำว่าโคลน จะถูกใช้เรียกสิ่งที่ถูกโคลนออกมาจากสิ่งมีชีวิตต้นแบบ สิ่งมีชีวิตที่ได้จากการโคลนนิ่ง ( Cloning) นั้นจะมีลักษณะเหมือนกัน เช่นเพศเหมือนกัน มีหมู่เลือดเหมือนกัน เป็นต้น นอกจากนี้หากกล่าวถึงเรื่อง การโคลนนิ่ง ( Cloning) สัตว์ซึ่งปกติแล้วสืบพันธุ์โดยอาศัยเพศ การโคลนนิ่ง ( Cloning) คือ การสร้างสัตว์ตัวใหม่ขึ้นมาโดยไม่ใช้เซลล์สืบพันธุ์ของสัตว์เพศผู้หรืออสุจิของสัตว์เพศผู้ แต่ใช้นิวเคลียสจากเซลล์เต็มวัยของเซลล์ร่างกายของสัตว์เพศอะไรก็ได้ใส่ลงไปที่เซลล์สืบพันธุ์ของสัตว์เพศเมียหรือเซลล์ไข่โดยนำสารพันธุกรรม หรือ DNA ที่มีอยู่ในเซลล์สืบพันธุ์ของเพศเมียหรือเซลล์ไข่ออกก่อน แล้วนำเซลล์สืบพันธุ์ของเพศเมียหรือเซลล์ไข่ใส่ไปในตัวเพศเมียเพื่อให้คลอดออกมา เมื่อคลอดออกมาทำให้ได้สัตว์ตัวใหม่ที่มี รูปร่าง หน้าตา ลักษณะภายนอก เหมือนกับสัตว์ตัวที่เป็นเจ้าของเซลล์เดิมเกือบทุกประการ และมีพันธุกรรมเหมือนกับสัตว์ตัวที่เป็นเจ้าของเซลล์เดิมทุกประการ ถ้าเจ้าของเซลล์เป็นเพศเมียก็จะได้สัตว์ให้เป็นเพศเมีย ถ้าเจ้าของสัตว์เป็นเพศผู้จะได้สัตว์ใหม่เป็นเพศผู้ เหมือนกับเจ้าของเซลล์เดิมทุกประการ
ภารกิจพาวัวแดงกลับพื้นที่ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นภารกิจอนุรักษ์ที่มีความท้าทายหลายประการ ทั้ง อุปนิสัยของวัวแดงที่เป็นสัตว์ตื่นตกใจง่าย ความท้าทายในการปลูกจิตสำนึกหัวใจนักอนุรักษ์ให้กับผู้คนโดยรอบ เพื่อป้องกันวัวแดงถูกล่าหลังจากคืนสู่ธรรมชาติ
รวมไปถึงความท้าทายในเรื่องงบประมาณที่จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยแรงสนับสนุนจากมูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา และความร่วมมือของภาคีเครือข่าย ทั้งภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน NGOs และมวลชนจิตอาสา ร่วมอนุรักษ์วัวแดงอย่างเต็มกำลัง ทำให้ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
ประสบความสำเร็จในการสร้างประวัติศาสตร์ปล่อยวัวแดงคืนสู่ธรรมชาติได้เป็นครั้งแรกของโลก เมื่อ พ.ศ. 2557
จากจุดเริ่มต้นมาจนถึง พ.ศ. 2567 วัวแดง สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ในบัญชีแดงไอยูซีเอ็น (IUCN Red List) ได้รับการขยายพันธุ์และปล่อยคืนสู่ธรรมชาติแล้ว 16 ตัว สามารถปรับตัวในป่าสลักพระได้เป็นอย่างดี และยังให้กำเนิดลูกน้อยตามธรรมชาติได้แล้วอย่างน้อย 35 ตัว ทำให้ปัจจุบัน สามารถฟื้นฟูประชากรวัวแดงให้กลับคืนมาได้แล้วอย่างน้อย 51 ตัว หลังจากที่สูญพันธุ์ไปจากพื้นที่เป็นเวลานานกว่า 30 ปี นำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและระบบนิเวศที่สมดุล อาทิ การดึงดูดนักล่าอย่างเสือโคร่งที่เคยหายไป ให้กลับมายังผืนป่าอนุรักษ์ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี มูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ที่ยั่งยืน งานจึงไม่จบอยู่ที่การปล่อยวัวแดงคืนสู่ป่า แต่ยังคงร่วมมือและให้การสนับสนุนศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ ขยายพันธุ์ ติดตามพฤติกรรมวัวแดงตามหลักวิชาการผ่านการสนับสนุนกล้องติดตาม Camera Trap และขยายพื้นที่วัวแดงจากพื้นที่ป่าสลักพระสู่พื้นที่ป่าห้วยขาแข้ง เพื่อป้องกันปัญหาเลือดชิด (การผสมพันธุ์สายเลือดเดียวกัน) ผ่านการเพิ่มจำนวนมวลชนจิตอาสาอนุรักษ์วัวแดงในระดับพื้นที่ชุมชนโดยรอบ และขยายวงกว้างออกไปในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรม ผลักดันให้เกิดเป็น คอร์ริดอร์มนุษย์ (Human Corridor) สร้างพื้นที่ปลอดภัยผ่านใจอนุรักษ์ ให้ลูกหลานวัวแดงสามารถเดินทางสู่ตอนบนของป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี ผ่านชุมชนที่มีความเข้าใจไปหาวัวแดงอีกกลุ่มที่กำลังเคลื่อนตัวลงมาจากป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี เพื่อแลกเปลี่ยนพันธุกรรมได้อย่างปลอดภัย

มูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา ยังส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อให้ชุมชน สัตว์ป่า และผืนป่าอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล จึงจัดทำโครงการ U Volunteer ร่วมกับชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาสังคม ฝ่ายพัฒนาสังคมและบำเพ็ญประโยชน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จัดอบรม “โครงการเส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชนคนรักษ์วัวแดง” ให้ชาวบ้านในชุมชนเข้ามาเรียนรู้หลักการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน ร่วมกันรวบรวมข้อมูลเส้นทางท่องเที่ยว ลงมือประชาสัมพันธ์บนสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนพัฒนาสินค้าที่ระลึกวัวแดงจากผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติจากฝีมือคนในพื้นที่ และเปิดช่องทางขายสินค้า เพื่อส่งเสริมเผยแพร่การอนุรักษ์วัวแดงที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง